ความเหมาะสมการใช้กากมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในอาหารสัตว์น้ำ
กากมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบประเภทแป้ง ซึ่งเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานได้ดีเนื่องจากเป็นแป้งอ่อนย่อยง่าย ไม่มีสารพิษ เนื่องจากกรดไฮโดรไซยานิคในมันสำปะหลัง เมื่อถูกความร้อนจากการตากและความร้อนจากขบวนการผลิตอาหาร จะสลายไปจนมีระดับต่ำกว่า ๓๐ พีพีเอ็ม ไม่เป็นอันตรายต่อปลา นอกจากนี้ เชื้อราที่ขึ้นบนสำปะหลังไม่มีการสร้างสารพิษจากเชื้อรา หรือมีแต่อยู่ในระดับต่ำมากจนไม่เป็นอันตราย กากมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบที่มีราคาถูก จึงสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนปลายข้าวที่มีราคาแพง และทดแทนข้าวโพดซึ่งมักมีปัญหาสารพิษจากเชื้อราได้ดี กากมันสำปะหลังที่ใช้ในอาหารสัตว์น้ำนั้น เป็นผลิตผลที่ได้จากโรงงานแป้งมันสำปะหลัง โดยใช้หัวมันสำปะหลังสดมาล้างน้ำแล้วโม่ให้แหลกจะได้น้ำแป้งและกาก จากน้ำแป้งก็ทำการแยกแป้งออกจากน้ำโดยการทิ้งไว้ให้แป้งตกตะกอนหรือเข้าเครื่องแยกโดตรง แป้งที่ได้นำมาทำให้แห้งโดยใช้ความร้อนและบดให้ละเอียดเป็นแป้งมันสำปะหลัง หัวมันสำปะหลังสด 1 กิโลกรัม ได้แป้งมันสำปะหลังเฉลี่ย ๐.๒๐ กิโลกรัม และได้กากมันสำปะหัง ๐.๔ – ๐.๙ กิโลกรัม ราคากากมันสำปะหลังเฉลี่ย ๐.๒๐ – ๐.๔๐ บาท ต่อกิโลกรัม
คุณค่าทางอาหารของกากมันสำปะหลัง
คุณค่าทางอาหารของกากมันสำปะหลังจากการวิเคราะห์โดยสถาบันวิจัยอาหารสัตว์น้ำจืดกรมประมง (ตัวอย่างลำดับที่ ๓ เป็นกากมันสำปะหลังที่นึ่งแล้ว)
-
ความชื้น ๘๓.๔๐ %
-
โปรตีน ๐.๒๙ %
-
ไขมัน ๐.๕๐ %
-
เยื่อใย ๒.๑๒ %
-
เถ้า ๐.๔๑ %
ขั้นตอนดำเนินการ
๑. หาวัตถุดับที่หาง่ายในท้องถิ่น มาเป็นส่วนผสมอาหารสัตว์น้ำ ได้แก่ ปลาป่น รำ และกากมันสำปะหลัง ในอัตรา
๑:๑:๒ ตามลำดับ (กากมันสำปะหลังได้ผ่านกระบวนการความร้อนโยการนึ่งให้สุก ใช้เวลา ๑ – ๒ ช.ม.)
๒. คำนวณสูตรอาหารโดยใช้ สัดส่วน ร้อยละ และตารางสี่เหลี่ยม
โจทย์ ใช้วัตถุดิบ ๓ อย่าง คือ ปลาป่น ๑ ส่วน รำละเอียด ๑ ส่วน กากมันสำปะหลัง ๒ ส่วน ผสมอาหารสัตว์น้ำ จำนวน ๑.๐ กิโลกรัม จงหาปริมาณวัตถุดิบแต่ละชนิด เปอร์เซ็นต์โปรตีน และความชื้นในอาหาร
ขั้นตอนที่ ๑ หาปริมาณวัตถุดิบแต่ละชนิด
- ปลาป่น ๑ ส่วน ๑/๔ = ๐.๒๕ กิโลกรัม
- รำละเอียด ๑ ส่วน ๑/๔ = ๐.๒๕ กิโลกรัม
- กากมันสำปะหลัง ๒ ส่วน ๒/๔ = ๐.๕๐ กิโลกรัม
ขั้นตอนที่ ๒ หาเปอร์เซ็นต์ โปรตีน ของอาหารแต่ละชนิด (ดูจากตาราง)
- ปลาป่น มีโปรตีน ๕๕ %
- รำละเอียด มีโปรตีน ๑๒.๒ %
- กากมันสำปะหลัง มีโปรตีน ๐.๒๙ %
คำนวณหาเปอร์เซ็นต์โปรตีน
ปลาป่น ๑ ส่วน + รำละเอียด ๑ ส่วน + กากมันสำปะหลัง ๒ ส่วน มีโปรตีนเฉลี่ย
(๕๕.๐ + ๑๒.๒ + ๐.๒๙+๐.๒๙) / ๔ = ๑๖.๙๕ เปอร์เซ็นต์
ขั้นตอนที่ ๓ หาเปอร์เซ็นต์ ความชื้น ของอาหารแต่ละชนิด (ดูจากตาราง)
- ปลาป่น ความชื้น ๙.๗ %
- รำละเอียด ความชื้น ๑๐ %
- กากมันสำปะหลัง ความชื้น ๘๓.๔ %
คำนวณหาเปอร์เซ็นต์ความชื้น
ปลาป่น ๑ ส่วน + รำละเอียด ๑ ส่วน + กากมันสำปะหลัง ๒ ส่วน มีความชื้นเฉลี่ย
(๙.๗ + ๑๐ + ๘๓.๔+๘๓.๔) / ๔ = ๔๖.๖๓ เปอร์เซ็นต์
ขั้นตอนที่ ๔ คำนวณหาปริมาณปลาป่นในสูตรอาหาร ๑ กิโลกรัม
อาหารผสม ๕๐.๗๓ กิโลกรัม ต้องมีปลาป่น ๑๒.๖๙ กิโลกรัม
อาหารผสม ๑.๐๐ กิโลกรัม ต้องมีปลาป่น (๑๒.๖๙/๕๐.๗๓) x ๑ = ๐.๒๕ กิโลกรัม
อาหารผสม ๕๐.๗๓ กิโลกรัม ต้องมีรำ+กากมันสำปะหลัง ๓๘.๐๕ กิโลกรัม
อาหารผสม ๑.๐๐ กิโลกรัม ต้องมีรำ+กากมันสำปะหลัง (๓๘.๐๕/๕๐.๗๓) x ๑ = ๐.๗๕ กิโลกรัม
แต่อาหารผสมระหว่าง รำ + กากมันสำปะหลัง ๐.๗๕ กิโลกรัม ผสมในอัตราส่วน ๑ : ๒ ส่วน
ใช้รำ (๐.๗๕x๑)/๓ = ๐.๒๕ กิโลกรัม กากมันสำปะหลัง (๐.๗๕x๒)/๓ = ๐.๕๐ กิโลกรัม
ขั้นตอนที่ ๕ ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์โปรตีนในสูตรอาหาร
ชนิดของวัตถุดิบ |
จำนวน (กิโลกรัม) |
ปริมาณโปรตีน |
ปลาป่น |
๐.๒๕ |
๐.๒๕ x (๕๕.๐๐/๑) = ๑๓.๗๕ |
รำ |
๐.๒๕ |
๐.๒๕ x (๑๒.๒๐/๑) = ๒.๐๕ |
กากมันสำปะหลัง |
๐.๕๗ |
๐.๕๐ x (๐.๒๙/๑) = ๐.๑๕ |
รวม |
๑.๐๐ |
๑๖.๙๕ |
คำตอบ
ชนิดของวัตถุดิบ |
จำนวน (กิโลกรัม) |
ปริมาณโปรตีน |
เปอร์เซ็นต์ความชื้น |
ปลาป่น |
๐.๒๕ |
๑๓.๗๕ |
๙.๗๐ |
รำ |
๐.๒๕ |
๓.๐๕ |
๑๐.๐ |
กากมันสำปะหลัง |
๐.๕๗ |
๐.๑๕ |
๘๓.๔x๒ |
รวม |
๑.๐๐ |
๑๖.๙๕ |
๑๘๖.๕/๔ = ๔๖.๖๒๕ |
๓. ชั่งวัตถุดิบและผสมแต่ละส่วนที่คำนวณได้ โดยใช้ปลาป่นผสมกับรำก่อนเนื่องจากเป็นวัตุดิบชนิดแห้ง จากนั้นผสมกับกากมันสำปะหลัง
๔. ปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปเลี้ยงสัตว์น้ำ
สรุปวิจารณ์ผล / ข้อเสนอแนะ
ตารางเปรียบเทียบต้นทุนอาหารผสม และอาหารสำเร็จรูป
วัตถุดิบ |
ราคา บาท / กิโลกรัม |
ปริมาณ (กิโลกรัม) |
เงิน (บาท) |
% โปรตีน |
ปลาป่น |
๓๐.๐๐ |
๐.๒๕ |
๗.๔๐ |
๑๓.๗๕ |
รำ |
๑๐.๐๐ |
๐.๒๕ |
๒.๕๐ |
๓.๐๕ |
กากมันสำปะหลัง |
๐.๒๐ |
๐.๕๐ |
๐.๑๐ |
๐.๑๕ |
รวม |
๑.๐๐ |
๑๖.๙๕ |
๑๖.๙๕ |
อาหารปลากินพืช |
๑๕.๐๐ |
๑.๐๐ |
๑๕.๐๐ |
๑๖.๘๔ |
จากตารางเปรียบเทียบต้นทุนอาหารผสมและอาหารสำเร็จรูป พบว่า ต้นทุนอาหารทีผสมใช้เองมีระดับโปรตีน ๑๖.๘๔% ต้นทุน ๑๐.๑๐บาท/กิโลกรัม และอาหารสำเร็จรูปในท้องตลาด มีระดับโปรตีน ๑๖..๘๔ % ต้นทุน ๑๕ บาท/กิโลกรัม ซึ่งอาหารที่ผสมเองจะมีต้นทุนต่ำกว่า ๔.๙๐ บาท/กิโลกรัม แต่ในเรื่องโภชนะนั้นจำต้องศึกษาเพิ่มเติมอีก เพราะอาหารทีผสมเอง ใช้วัตถุดิบ ๓ อย่าง ยังขาดวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารบางอย่าง ถึงแม้ว่าอาหารผสมขึ้นเองจะมีต้นทุนต่ำกว่าแต่ก็มีข้อเสีย คือ เก็บได้ไม่นานและมักจะขึ้นราเนื่องจากมีความชื้นสูง ต้องผลิตจำนวนมากครั้ง และเมื่อให้อาหารจะมีการสูญเสียไปกับน้ำโดยละลายในน้ำเนื่องจากเป็นอาหารแบบเปียก โอกาสที่สัตว์น้ำจะใช้ประโยชน์หมดนั้นมีน้อย กว่าอาหารแบบเม็ดลอยน้ำ อาหารผสมนี้ควรผสมพืชผักต่าง ๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนะและหาได้ในพื้นที่ เช่น ใบกระถิน ใบหม่อน ผักต่าง ๆ ฯลฯ และอื่น ๆ อีก ซึ่งจะไปเพิ่มในเรื่องวิตามัน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่น ๆ ให้สมบูรณ์มากขึ้น
นอกจากนี้ ปัญหาเกี่ยวกับการใช้มันสำปะหลังเป็นอาหารสัตว์น้ำนั้น มีเกษตรกรหลายรายที่เลือกใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบทดแทนวัตถุดิบอื่นในภาวะทีวัตถุดิบอาหารสัตว์น้ำมีราคาแพง เพราะต้องการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง และแม้ว่ามันสำปะหลังจะมีประโยชน์ แต่หากใช้อย่างไม่ถูกวิธีหรือใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็จะเกิดโทษได้ เพราะมันสำปะหลังมีไซยาไนด์ซึ่งเป็นพิษต่อสัตว์ในระดับสูง จึงไม่แนะนำให้ใช้หัวมันสดมาเลี้ยงสัตว์น้ำ ควณผ่านกระบวนการความร้อนก่อน จะทำให้ไซยาไนด์ มีระดับต่ำกว่า ๓๐ พีพีเอ็ม ไม่เป็นอันตรายต่อปลา และเชื้อราที่ขึ้นบนมันสำปะหลังไม่มีการสร้างสารพิษจากเชื้อรา หรือมีแต่อยู่ในระดับต่ำมากจนไม่เป็นอันตราย
เทคนิคการใช้มันสำปะหลังทำเป็นอาหารสัตว์น้ำ หากพิจารณาจากส่วนประกอบทางเคมีของกากมันสำปะหลังแล้ว พบว่ากากมันสำปะหลังเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ให้แป้งหรือพลังงานที่ดี เช่นเดียวกับข้าวโพด หรือปลายข้าว แต่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีน เช่น กรดอมิโนเมทไทโอนีน และกรดอมิโนอื่น ๆ ต่ำกว่าข้าวโพดหรือปลายข้าว ดังนั้นเทคนิคการใช้มันเส้นในสูตรอาหารสัตว์จำเป็นต้องมีสิ่งต่อไปนี้
1. เสริมโปรตีนเพื่อปรับระดับโปรตีน โดยทั่วไปจะเสริมด้วย กากถั่วเหลืองหรือปลาป่น
2. เสริมไขมันหรือน้ำมันพืชเพื่อเพิ่มปริมาณกรดไขมันที่จำเป็น หรือเพิ่มกากน้ำตาล (ไม่ควรเกิน ๓-๔% ในสูตรอาหาร) เพื่อช่วยให้อาหารมีความน่ากิน ทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้มากขึ้น
ระดับการใช้มันสำปะหลังในสูตรผสมอาหารผันแปรระหว่าง ๒๕-๓๕ เปอร์เซ็นต์ (ความชื้นไม่เกิน ๑๓ เปอร์เซ็นต์) ในสูตรอาหารขึ้นอยู่กับระดับโปรตีนในสูตรอาหารแต่ละระยะ กากมันสำปะหลังที่ใช้เป็นส่วนผสมอาหารครั้งนี้อยู่ในระดับ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ (มีความชื้น ๘๓.๔ เปอร์เซ็นต์ ) เป็นวัตถุดิบเปียกมีความชื้นสูง จึงอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ที่มา : สำนักงานประมงอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
|