มาตรฐานรับรอง
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 3
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 196
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 2,423,462
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
2 พฤษภาคม 2568
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
    
10 
11  12  13  14  15  16  17 
18  19  20  21  22  23  24 
25  26  27  28  29  30  31 
             
 การใช้กากมันสำปะหลังผลิตอาหารเม็ด

ผลของกากมันสำปะหลังในสูตรอาหารต่อกระบวนการอัดเม็ด คุณภาพเม็ดอาหารและ

สมรรถภาพการผลิตของสุกรระยะอนุบาล

Effect of Cassava Pulp Diet on Feed Pelleting Process, Pellet Quality and

Growth Performance in Weaning Pigs

-------------------------------------------------------------------

คำนำ

อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ของมัน

สำปะหลัง ผลพลอยได้จากการผลิตแป้งมันสำปะหลังอย่างหนึ่งคือ กากมันสำปะหลัง ซึ่งมีปริมาณแป้งเหลืออยู่

ค่อนข้างมาก ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นแป้งที่ย่อยได้ง่าย จึงถูกพิจารณาให้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ทดแทน

วัตถุดิบอาหารสัตว์กลุ่มพลังงานอื่นที่มีราคาสูงเพื่อลดต้นทุนค่าอาหารลงโดยเฉพาะอาหารลูกสุกร โดยกากมัน

สำปะหลังมีพลังงานใช้ประโยชน์ได้ในสุกรประมาณ 2,400–2,600 Kcal/Kg (เสกสม และคณะ, 2550) แต่

อย่างไรก็ตามกากมันสำปะหลัง มีลักษณะทางกายภาพคือฟ่าม ฟู เป็นฝุ่น มีเยื่อใยค่อนข้างสูงคือประมาณ 13-

21 %  โปรตีนประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น (Machin and Nyvold, 1992) โดย

ความฟ่ามของมันสำปะหลังมีค่าเฉลี่ยที่ 364 กรัมต่อลิตร และมีสัมประสิทธิ์ความแปรปรวนที่ 12.11 เปอร์เซ็นต์

 ซึ่งอาจมีผลระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจและส่งผลกระทบต่อปริมาณอาหารที่

กินได้ของสุกร ตลอดจนสมรรถภาพการผลิตของสุกรอนุบาล ซึ่งระบบทางเดินอาหารยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ใน

กรณีนี้กระบวนการอัดเม็ดอาหารเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดความฟ่ามและเพิ่มความน่ากินให้กับอาหาร แต่การ

ใช้วัตถุที่มีเยื่อใยสูงอาจส่งผลต่อกระบวนการอัดเม็ดอาหาร คุณภาพของเม็ดอาหาร

อุปกรณ์และวิธีการ

การทดลองที่ 1 ศึกษาผลของกากมันสำปะหลังต่อกระบวนการอัดเม็ดและคุณภาพเม็ดอาหาร

การทดลองใช้อาหารทดลอง 2 สูตรคือ สูตรควบคุม (ไม่มีกากมันสำปะหลัง) และสูตรที่มีกากมัน

สำปะหลังระดับ 10 % มีองค์ประกอบดังแสดงใน Table 1 มาผ่านกระบวนการคลุกไอน้ำอัดเม็ด ด้วยเครื่อง

อัดเม็ด Model SZLH40 (Jiang Zhenghang, China) ที่อุณหภูมิคลุกไอน้ำ 70 องศาเซลเซียส รีดผ่านรูดายร์

ขนาด 3 มิลลิเมตร เมื่อสภาวะการผลิตคงที่สุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อวัดความชื้นของอาหารผงเย็น (อาหารผงก่อนการ

คลุกไอน้ำ) อาหารผงร้อน (อาหารผงหลังการคลุกไอน้ำ) อาหารเม็ดร้อน (อาหารเม็ดที่รีดผ่านรูดายร์) และ

อาหารเม็ดเย็น (อาหารที่ผ่านกระบวนการทำให้แห้งและเย็น) และวัดอุณหภูมิของอาหารเม็ดร้อนและอาหารผง

ร้อน จากนั้นสุ่มเก็บตัวอย่างอาหารเม็ดเย็นเพื่อนำไปวิเคราะห์คุณภาพเม็ดอาหาร ประกอบด้วยความแข็งของเม็ด

อาหาร (hardness) ด้วย Kahl hardness tester (Model 21465, Reinbek, Germany) ความคงทนของเม็ด

อาหาร (pellet durability index; PDI) ตามวิธีของ ASAE (1987) และองค์ประกอบทางโภชนะของอาหารทดลอง

แต่ละสูตร (A.O.A.C, 1990) บันทึกข้อมูลระหว่างกระบวนการอัดเม็ด ได้แก่ อุณหภูมิคลุกไอน้ำ ความดันระหว่าง

คลุกไอน้ำ ปริมาณการผลิตต่อชั่วโมง กระแสไฟฟ้า ระยะเวลาการอัดเม็ด เพื่อนำมาคำนวณหาค่าพลังงานการ

อัดเม็ด โดยใช้สูตรดังนี้

E = Amp x Volt x 0.8 x 0.8 x 3

Ton/Hr x 1000

เมื่อ E คือ ค่าพลังงานที่ใช้ในการอัดเม็ดอาหาร (กิโลวัตต์-ชั่งโมงต่อตัน) Amp คือ ค่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้ใน

การอัดเม็ด Volt คือ ค่าศักย์กระแสไฟฟ้าซึ่งในการทดลองนี้มีค่า 380 โวลต์ และ Ton/Hr คือ ค่ากำลังการผลิต

อาหารอัดเม็ด

การทดลองที่ 2 ศึกษาผลของกากมันสำปะหลังในรูปอาหารอัดเม็ด ต่อสมรรถภาพการผลิตของสุกร

ระยะอนุบาล

การทดลองใช้สุกรสามสายเลือด (LR x LW x D) คละเพศ จำนวน 128 ตัว อายุ 4 สัปดาห์ น้ำหนัก

เริ่มต้นเฉลี่ย 7.2 กิโลกรัม ใช้แผนการทดลองแบบ t-test โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มการทดลอง กลุ่มละ 8 ซ้ำ แต่ละ

ซ้ำมี 8 ตัว เลี้ยงสุกรด้วยอาหารทดลอง (จากการทดลองที่ 1) ตามกลุ่มการทดลอง เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ใน

โรงเรือนแบบปิด โดยให้สุกรได้รับน้ำและอาหารเต็มที่ ลูกสุกรทุกตัวได้รับวัคซีนมัยโคพลาสม่า ที่อายุ 5 สัปดาห์

และวัคซีนอหิวาห์สุกร ที่อายุ 6 สัปดาห์ ชั่งน้ำหนักอาหารที่กินทุกสัปดาห์และชั่งน้ำหนักตัวสุกรอีกครั้งเมื่อสิ้นสุด

การทดลอง เพื่อนำมาคำนวณอัตราการเจริญเติบโตต่อวัน ปริมาณอาหารที่กินต่อวัน ประสิทธิภาพการใช้อาหาร

และอัตราการตายของสุกร

การวิเคราะห์ทางสถิติ

ข้อมูลกระบวนการผลิตทั้งหมด ประกอบด้วย ค่าพลังงานการอัดเม็ด ค่าความแข็งของเม็ดอาหาร ค่า

ความคงทนของเม็ดอาหาร (การทดลองที่ 1) และอัตราการเจริญเติบโตต่อวัน ปริมาณอาหารที่กินต่อวัน

ประสิทธิภาพการใช้อาหาร และอัตราการตายของสุกร (การทดลองที่ 2) ถูกนำมาเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่าง

กลุ่มการทดลอง ด้วยวิธี t-test ด้วยโปรแกรมสถิติสำเร็จรูป (SAS, 2003)
 


Ingredients                                                                    Level of cassava pulp (%)
                                                                                         0                       10


Corn                                                                                 32.4                  32.0

Cassava pulp                                                                      0                     10.0

Soybean meal (44% CP)                                                   15.0                 16.0

Hydrolyzed rice bran                                                         13.3                 13.3

Full fat soybean                                                                 10.0                 10.0

Fermented dehulled soybean meal                                       8.0                 10.6

Rice bran                                                                            6.7                    -

Wheat bran                                                                        6.7                    -

Meat and bone meal                                                           4.0                   4.0

Dicalciumphosphate                                                           0.8                   1.0

Limestone                                                                          0.6                   0.5

Salt                                                                                    0.2                   0.2

Molasses                                                                            1.3                   1.3

L-Lysine                                                                             0.1                   0.081

DL-Methionine                                                                   0.027               0.008

Vitamin-mineral premixes1                                                 0.2                   0.2


Total                                                                               100.0                100.0


Calculated nutrient composition (%)


Crude Protein                                                                  22.00                22.00

Crude fiber                                                                        4.03                  4.00

Fat                                                                                    5.63                  4.56

Ash                                                                                   6.17                  5.99

Metabolizable energy (kcal/kg)                                     3399.96             3399.91

Lysine                                                                               1.30                   1.30

Methionine                                                                        0.36                   0.36

Methionine + Cystine                                                        0.72                   0.72

Threonine                                                                         0.83                   0.84

Tryptophan                                                                      0.26                   0.26

Calcium                                                                            0.93                   0.97

Total phosphorus                                                             0.79                   0.69

Available phosphorus                                                        0.45                   0.45


1 This premix provided the following microelements: vitamin A, 4.00 MIU; vitamin D, 0.4 MIU; vitamin E, 15,000 IU; vitamin K, 1

g; vitamin B1, 0.5 g; vitamin B2, 2.0 g; vitamin B6, 1.0 g; vitamin B12, 0.01 g; pantothenic acid, 6 g; niacin, 12 g; biotin, 0.08 g;

selenium, 0.1 g; Fe, 40 g; Mn, 7.5 g; Zn, 40 g; Cu, 2.5 g; I, 0.5 g.

ผลการทดลองและวิจารณ์

กระบวนการอัดเม็ดและคุณภาพเม็ดอาหาร

จากการศึกษาพบว่าเมื่อมีการใช้กากมันสำปะหลังในสูตรอาหาร จะส่งผลให้ค่าพลังงานการอัดเม็ดสูง

กว่าอาหารสูตรควบคุมอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (P<0.01) โดยที่ค่าพลังงานการอัดเม็ดของสูตรควบคุมและ

สูตรที่มีกากมันสำปะหลัง 10% เท่ากับ 11.38 และ 16.162 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตัน ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องจากกาก

มันสำปะหลังมีลักษณะทางกายภาพที่ฟ่าม เบา และมีปริมาณน้ำมันเป็นองค์ประกอบอยูน่ ้อย จึงต้องเสริมน้ำมัน

จากแหล่งอื่นเพื่อเพิ่มความน่ากินของอาหาร ส่งผลต่อการอัดเม็ดต้องการพลังงานกลจากมอเตอร์ในการขึ้นรูป

อัดเม็ดมาก และเมื่อนำตัวอย่างอาหารอัดเม็ดมาศึกษาคุณภาพของเม็ดอาหาร ประกอบด้วย ความแข็งของเม็ด

อาหารและความคงทนเม็ดอาหาร พบว่าไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติของคุณภาพเม็ดอาหารระหว่างสูตร

ควบคุม และสูตรอาหารที่ใช้กากมันสำปะหลังที่ระดับ 10% โดยที่ความแข็งของเม็ดอาหารสูตรควบคุมและสูตร

กากมันสำปะหลัง 10% เท่ากับ 12.18 และ 12.15 ตามลำดับ ความคงทนของเม็ดอาหารสูตรควบคุม และสูตร

กากมันสำปะหลัง 10% เท่ากับ 96.23 และ 96.15 ตามลำดับ (Table 2)

Table 2 Effect of cassava pulp on pelleting characteristics and growth performance of weaning pigs


                                                                 Level of cassava pulp (%)                       P -value

                                                                        0                        10


Processing conditions

Hot mash temperature, C                           72.4                      72.4                          -

Hot pellet temperature, C                           79.2                      80.8                          -

Cool mash moisture, %                                 10.48                    10.16                        -

Hot mash moisture, %                                  12.31                    11.23                        -

Hot pellet moisture, %                                  12.26                     11.40                        -

Final pellet moisture content after cooling, % 10.14                    10.05                        -

Energy consumption, kWh/ton                     11.3 ± 0.12A         16.12 ± 0.20B        <0.0001

Pellet quality

Hardness, Kgforce                                         12.2 ± 0.05           12.2 ± 0.07              0.7014

Pellet durability index (PDI), %                       96.2 ± 0.11           96.2 ± 0.15             0.7090

Growth performance

ADG, g/day                                                  322 ± 10.4a          267 ±15.1b               0.0103

ADFI, g/day                                                 586 ± 20.7            540 ± 23.7                0.1664

FCR                                                            1.83 ± 0.05a 2.03 ± 0.04b 0.0110

Mortality rate, %                                                      0                        0                           -


a, b Means within a column having common superscript are significant different (P<0.05)

A, B Means within a column having common superscript are highly significant different (P<0.01)

kWh/t = Kilowatt-hour/ton

สมรรถภาพการผลิตของสุกรระยะอนุบาล

จากการศึกษาพบว่าปริมาณอาหารที่กินต่อวันของลูกสุกร ทั้งสองกลุ่มการทดลองไม่มีความแตกต่างกัน

ทางสถิติ โดยปริมาณอาหารที่กินต่อวันเฉลี่ยของกลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ให้อาหารสูตรกากมันสำปะหลัง 10%

เท่ากับ 586 และ 540 กรัม ตามลำดับ แต่สุกรที่ได้รับอาหารสูตรกากมันสำปะหลัง 10% มีอัตราการเจริญเติบโต

ต่อวันต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) โดยสุกรกลุ่มควบคุมและสุกรที่ให้อาหารสูตรกาก

มันสำปะหลัง 10% มีอัตราการเจริญเติบโตต่อวันเฉลี่ยเท่ากับ 322 และ 267 กรัมต่อวัน ตามลำดับ ส่งผลต่อ

ประสิทธิภาพการใช้อาหารของสุกรที่ให้อาหารสูตรกากมันสำปะหลัง 10% มีประสิทธิภาพการใช้อาหารด้อยกว่า

สุกรกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) โดยสุกรกลุ่มควบคุมและสุกรที่ให้อาหารสูตรกากมัน

สำปะหลัง 10% มีประสิทธิภาพการใช้อาหารเฉลี่ยเท่ากับ 1.83 และ 2.03 ตามลำดับ จากผลการศึกษาของ วริยา

และคณะ (2547) พบว่าสามารถใช้กากมันสำปะหลังผสมในสูตรอาหารสุกรอนุบาลได้สูงถึง 15% ในรูปอาหารผง

โดยไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสมรรถภาพการผลิตและอัตราการตายของสุกร แต่อย่างไรก็ตามระดับเยื่อใยใน

กากมันสำปะหลังอาจส่งผลกระทบต่อการย่อยของสุกร โดยเฉพาะเยื่อใยในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ใช่แป้ง เช่น

เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส เพกติน เบต้า-กลูแคน เพนโตซาน และไซแลน ซึ่งเยื่อใยเหล่านี้จะดูดน้ำเมื่อเข้าสู่ระบบ

ทางเดินอาหารของสัตว์ ทำให้เกิดสภาวะข้นหนืดและเข้าจับกับสารอาหาร ประกอบกับการทำงานของเอ็นไซม์

ของสุกรระยะนี้ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลทำให้เอ็นไซม์จากตัวสัตว์ไม่สามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารมาใช้

ประโยชน์ได้เต็มที่ (เสกสม และคณะ, 2550)

การพิจารณาใช้กากมันสำปะหลังในสูตรอาหารสัตว์นั้น ขึ้นอยู่กับราคาและสถานการณ์ของแหล่ง

วัตถุดิบโปรตีนและพลังงานอื่น เนื่องจากในสูตรอาหารที่มีกากมันสำปะหลังนั้น จะต้องเสริมด้วยโปรตีน กรดอะมิ

โน ไขมัน แร่ธาตุ และวิตามินในระดับสูงกว่าสูตรอาหารที่มีธัญพืชเป็นวัตถุดิบหลัก (Attamangkune, 2007) และ

นอกจากที่สูตรอาหารที่ใช้กากมันสำปะหลังจะต้องใช้ค่าพลังงานการอัดเม็ดที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุน

การผลิตอาหารสัตว์

สรุป

การใช้กากมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบทดแทนในสูตรอาหารสุกรระยะอนุบาลที่ระดับ 10% และผ่าน

กระบวนการคลุกไอน้ำอัดเม็ด ทำให้ค่าพลังงานการอัดเม็ดสูงขึ้นกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ

(P<0.01) และเมื่อนำมาเลี้ยงสุกรระยะอนุบาลพบว่าสุกรที่ได้รับอาหารสูตรควบคุมมีปริมาณอาหารที่กินต่อวันไม่

แตกต่างกันทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับสุกรที่ได้รับอาหารสูตรกากมันสำปะหลัง 10% แต่สุกรทั้งสองกลุ่มมี

อัตราการเจริญเติบโตต่อวันและประสิทธิภาพการใช้อาหารแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) โดย

สุกรที่ได้รับอาหารสูตรกากมันสำปะหลังระดับ 10% ในรูปของอาหารอัดเม็ดมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำกว่าสุกรที่

ได้รับอาหารสูตรควบคุม ส่งผลให้สุกรที่ได้รับอาหารสูตรกากมันสำปะหลังระดับ 10% ในรูปของอาหารอัดเม็ดมี

ประสิทธิภาพการใช้อาหารสูงกว่าสุกรที่ได้รับอาหารสูตรควบคุม




 

ขอบคุณ ที่มา : คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม


Engine by MAKEWEBEASY